ถ้าชีวิต “รักจะลุย” ต้องคันนี้ “TR Transformer”

TR TRANSFPRMER

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไทยรุ่ง ยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) ได้สร้างความฮือฮาให้กับตลาดรถเมืองไทย ด้วยการเปิดตัว “TR MUV4” รถยนต์ตรวจการณ์ สัญชาติไทยแท้ที่มีลักษณะเฉพาะคล้ายคลึงกับ Hummer หรือ Jeep ลาดตระเวน ออกแบบโดยไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์เน้นความเอนกประสงค์ในการใช้งานด้านการรักษาความปลอดภัยพัฒนาขึ้นมาจากโครงสร้างของกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ แล้วนำมาออกแบบใหม่ตามสไตล์ของไทยรุ่ง โดยพัฒนาและออกแบบตัวถังใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นรถยนต์ที่มีความสมบูรณ์แบบได้มาตรฐานสากลและสามารถพัฒนาให้มีคุณสมบัติเป็นรถยนต์ประเภท รยบ. (รถยนต์บรรทุกขนาดเบา) 4×4 แบบ 50 ของกองทัพบกได้
โดยรถตรวจการณ์ลาดตระเวน MUV4 ก็ได้พัฒนาขึ้นจากปิกอัพ โตโยต้าไฮลักส์ วีโก้ ทั้งแชสซีส์ เครื่องยนต์ ห้องโดยสารและระบบช่วงล่าง หน้าตาภายนอกออกแบบได้คลายคลึงกับรถHummer รุ่น H1 แต่มีสัดส่วนที่เล็กกว่า พร้อมกับมีการตกแต่งเพิ่มเติมตามการใช้งานไว้ 3 รุ่น คือ รุ่นหลังคาเหล็ก (Hard Top), รุ่นหลังคาผ้าใบ (Soft Top) และ รุ่น Station wagon หลังคาเหล็ก 5-11 ที่นั่งทุกรุ่นมีคุณลักษณะเฉพาะที่ครบทุกการใช้งาน และในวันนี้ไทยรุ่ง ยูเนี่ยนคาร์ ก็ได้สานต่อโปรเจค TR MUV4 ด้วยการพัฒนาสู่การเป็นรถบ้าน จึงเคาะออกมาเป็น “TR TRANFORMER  PLUS4” เพื่อตอบสนองกระแสเรียกร้องของผู้ใช้งานที่ต้องการความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นด้วยการติดตั้งเกียร์อัตโนมัติเข้าไป โดยมีการพัฒนาจาก  TR  TRANSFORMER ที่มีความสง่าและลงตัวอยู่แล้ว ให้มีความอเนกประสงค์มากขึ้น
TR TRANSFORMER

แต่เมื่อไทยรุ่งทำรถออกมาแบบนี้ ถามว่ากลุ่มเป้าหมายกลุ่มไหนที่จะซื้อ….ผู้เขียนสำรวจอยู่นาน จนบังเอิญไปพบกับผู้ใช้งานจริงแถวๆ จ.ปราจีนบุรี บทสนทนาสารพัดเรื่องจึงเกิดขึ้น แต่มีอยู่คำถามเดียวที่ผู้เขียนถูกย้อนถามกลับมาว่า “เมื่อเงินไม่ใช่ปัญหา หากจะเลือกระหว่าง Transformer กับรถอเนกประสงค์ในกลุ่มเดียวกัน ยี่ห้ออะไรก็ได้…กล้าที่จะขับรถคันไหนบุกตะลุยเข้าป่าเข้าดงมากกว่ากัน”เท่านั้นหล่ะ ผู้เขียนรีบติดต่อไทยรุ่งเพื่อขอเอารถมาทดลองขับในทันที ซึ่งรถคันที่นำมาขับในครั้งนี้เป็นรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร 4WD เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความสนใจมากพอสมควรและมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,485,000 บาท แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงไปสักหน่อย แต่พอได้นำมาทดลองใช้งานจริงอยู่เกือบ 1 สัปดาห์ก็ทำให้เข้าใจว่า “คนใช้รถรุ่นนี้ต้องเป็นคนแบบไหน”
สำหรับ TR TRANSFORMERคันนี้ มาพร้อมกับขุมพลัง 1KD-FTV (I/C) 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาลว์VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ปริมาตรกระบอกสูบ   2,982 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก 96.0 x103.0 มม.  อัตราส่วนกำลังอัด 17.9 1 มีแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 171 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร ที่1,400 -3,400 รอบต่อนาที ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น แบบคอมมอลแรล มาตรฐานไอเสียยูโร3 ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล มีความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร

TR TRANSFORMER

ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง และระบบตัดต่อกำลังอัตโนมัติ (A.D.D.) ส่วนด้านหลังเป็นแบบแหนบซ้อนและโช้คอัพทรงกระบอกติดตั้งทแยงมุมกัน พร้อมลิมิเต็ดสลิป ระบบบังคับเลี้ยวแบบแร็คแอนด์พีเนียน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า ระบบเบรคด้านหน้าแบบ ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ส่วนด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก พร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรคอัตโนมัติ Super LSPV และ LTS  และยังมาพร้อมกับยางขนาด 265/70R16ส่วนยางอะไหล่ก็เป็นขนาด 265/70 R16พร้อมล้อกระทะเหล็ก
ในส่วนของการออกแบบถูกปรับให้มีความสวยงามมากขึ้น ลดความดิบลง เป็นการพัฒนาสายพันธุ์มาจาก TR MUV4 ที่มีคุณสมบัติของรถตรวจการณ์ มาสู่วิถีของคนเมือง แต่ไม่ทิ้งลายของความเป็นรถสไตล์ Hummer และความเป็นรถ 4WD ที่ดุดัน มีสไตล์ที่แตกต่าง ด้วยโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งทนทาน พร้อมรองรับการใช้งานทุกสถานการณ์ออกแบบและวิเคราะห์ความแข็งแกร่งด้วยระบบคอมพิวเตอร์มาตรฐานสากลตัวถังรถทั้งคันผ่านการชุบสีกันสนิมด้วยประจุไฟฟ้า (EDP) และขบวนการพ่นสีมารฐานเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์ทั่วไป

TR TRANSFORMER


ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและค่อนข้างเหมือนกับโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ ติดตั้งมาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitronพวงมาลัย 4 ก้าน แบบปรับระดับได้ พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เครื่องเสียงแบบ 2 DIN DVD 1 แผ่น พร้อมจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ USB และ AUX แถมยังใช้ipod gen5 เชื่อมต่อได้ด้วย พร้อมด้วยช่องเก็บของอเนกประสงค์ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย กระจกมองข้างโครเมี่ยมพร้อมไฟเลี้ยว พับและปรับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า มือเปิดโครเมี่ยม กล้องส่องหลัง พร้อมแสดงผลที่จอภาพ ประตูท้ายดีไซน์ใหม่ให้มีการเปิดปิด แบบจังหวะเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
ส่วนการใช้งานจริง ผู้เขียนได้นำมาทดลองขับบนเส้นทางในเมืองตั้งแต่เพชรเกษม กาญจนาภิเษก สาธร สีลม สุขุมวิท รัชดา ลาดพร้าว จนกระทั้งขับออกนอกเมืองไปเขาใหญ่ อ่างทอง สุพรรณบุรี แม้ว่าตัวถังรถจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ แต่กลับมีความคล่องตัวสูง ทำความเร็วในช่วงออกตัวได้ทันใจ เพราะเครื่องยนต์ถูกปรับให้มีอัตราเร่งที่สมดุลกับน้ำหนักตัวถังที่หนักถึง 2.2 ตัน ผู้เขียนเองเคยขับรถในแบบนี้มาหลายรุ่น แต่สำหรับ TR Transformer มันมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด อย่างแรกเมื่อคุณขับเจ้าคันนี้จะกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนในทันที และเมื่อกดคันเร่งจะรู้สึกได้ถึงเรี่ยวแรงมหาศาลที่จะทำให้ผู้ขับพร้อมลุยออกนอกพื้นถนนเรียบๆ ไปสู่เส้นทางแบบออฟโรดในทันที และที่สำคัญด้วยบอดี้ที่เป็นสีแบบด้าน มีสไตล์ที่พร้อมสมบุกสมบันทำให้รู้สึกว่าไม่ต้องดูแลมาก…นี่แหละเป็นคำตอบของผู้ซื้อตัวจริงที่ผู้เขียนรับรู้ผ่านการนำมาใช้งานจริงๆ มันเป็นรถที่ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบรถอเนกประสงค์หรือรถในแบบ SUV หรือ PPV ที่ไม่เคยขับรถไปบุกตะลุยท่องเที่ยว หรือผู้ใช้รถที่ชอบความสบาย แต่มันเหมาะกับผู้ที่รักในการผจญภัย เป็นขาลุย และกล้าที่จะแตกต่างอย่างท้าทาย

TR TRANSFORMER

แล้วอัตราสิ้นเปลืองล่ะเป็นอย่างไรบ้าง เครื่อง 3.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ต้องแบกน้ำหนักถึง 2.2 ตัน…ใช้วิธีพื้นฐานที่สุดคือ เติมน้ำมันดีเซลให้เต็มถัง ขับไปสัก 100 กิโลเมตร แล้วเติมน้ำมันกลับคืน เมื่อหารกลับมาก็มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (โดยประมาณ) ในเมืองอยู่ที่ 8 กิโลเมตรต่อลิตร และนอกเมืองอยู่ที่ 12 กิโลเมตรต่อลิตร (ไม่มีการบรรทุกสัมภาระ และมีผู้โดยสารทั้งหมด 3 คน) แต่มันก็ยังมีเรื่องที่ทำให้ใช้งานได้ลำบากอยู่เหมือนกัน เพราะด้วยความสูงของรถที่สูงถึง 1.88เมตร ทำให้การขับรถเข้าไปในชั้นจอดรถของห้างสรรพสินค้าหรือสำนักงานทำได้หวาดเสียวพอสมควร เพราะที่จอดรถบางแห่งมีความสูง 2.10 เมตร แถมบางแห่งความสูงไม่ได้มาตรฐานอาจจะสูงจริงแค่ 2 เมตร หรือบางแห่งสูง 2.10 เมตร แต่ดันมีท่อระบายน้ำ ท่อดับเพลิงติดอยู่อีก ก็ยิ่งทำให้หวาดเสียวขึ้นอีกเป็นกอง ลานจอดรถกลางแจ้งน่าจะเป็นตัวเลือกที่สบายใจที่สุด (แถมยังหายากอีกด้วย) แต่บางห้างอย่างเซนทรัล แจ้งวัฒนะ มีที่จอดรถชั้นล่างสำหรับรถหลังคาสูงโดยเฉพาะก็ช่วยได้เยอะ แต่ที่จอดก็ไม่ค่อยจะพออีกเหมือนกัน..ลำบากจริงๆ กับที่จอดรถเนี่ย อ้อ..อีกอย่าง เสียงของล้อที่บดไปตามถนนในช่วงความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันดังพอสมควร ยิ่งถ้าใส่ยางดอกหนาๆ ยิ่งต้องทำใจ
TR TRANSFORMER

นอกจากนี้ TR Transformer ยังให้รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดระยะหนึ่งจะถึงก่อน)  ส่วนด้านการบริการหลังการขาย สามารถนำรถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์โตโยต้าทั่วประเทศได้ในส่วนของเครื่องยนต์และช่วงล่างอีกด้วยและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจขของรถยนต์ที่ผลิตโดยคนไทย ที่แม้ว่ายังจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาต่อไป ก็อยากให้คนไทยหันมาให้ความสนใจกับรถยนต์แบรนด์ไทยกันมากขึ้น ถ้าคนไทยไม่ช่วยกัน แล้วจะรอให้ใครมาช่วย..จริงมั้ยล่ะ เอาเป็นว่า ถ้าชีวิต “รักจะลุย” อยากให้ลองขับ TR Transformer ดูสักครั้ง..อาจจะติดใจก็ได้ ใครจะรู้
เรื่อง/ภาพ พุทธิ  ผาสุข


ติดตามข่าวสารไทยรุ่ง 
website : www.thairung.co.th
facebook : thairungpr
twitter : thairungpr
iG      : thairungpr
@Line   : @thairungpr
youtube : thairungpr

ขอบคุณที่มาจาก : http://www.grandprix.co.th/gpinews/ถ้าชีวิต-รักจะลุย-ต้อง/

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม